เครือข่ายอินเตอร์เน็ต
เครือข่ายอินเตอร์เน็ต เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่เป็นเครือข่ายใหญ่ และเครือข่ายย่อย
จำนวนมากเชื่อมต่อกัน เป็นจำนวนหลายร้อยล้านเครื่อง
ซึ่งใช้ในการติดต่อสื่อสารข้อมูลที่เป็นรูปภาพ ข้อความ และเสียง
โดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่มีผู้ใช้งานกระจายอยู่ทั่วโลก
ประวัติความเป็นมาของเครือข่ายอิเตอร์เน็ต
มีจุดเริ่มต้นมาจากเหตุผลทางการทหาร เนื่องจากในยุคสงครามเย็น เมื่อประมาณ
พ.ศ.2510 ระหว่างฝ่ายคอมมิวนิสต์ และฝ่ายเสรีประชาธิปไตย
ซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกา โดยต่างฝ่าย ต่างก็กลัวขีปนาวุธ ของอีกฝ่ายหนึ่ง
โดยผู้นำสหรัฐอเมริกา วิตกว่า ถ้าหากทางฝ่ายรัฐเซีย
ยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์เข้ามา ถล่มจุดยุทธศาสตร์บางจุดของตนเองขึ้นมา
อาจจะทำให้คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อกันเสียหายได้ จึงได้สั่งให้มีการวิจัย
เพื่อสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ชนิดใหม่ขึ้นมา เพื่อป้องกันความเสียหาย
โดยมีจุประสงค์ว่า ถ้าคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง ถูกทำลาย
แต่เครื่องอื่นก็จะต้องใช้งานต่อไปได้
หน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลระบบเครือข่าย ในขณะนั้นมีชื่อว่า ARPA (Advanced
Research Projects Agency) ดังนั้นชื่อเครือข่ายในขณะนั้น จึงถูกเรียกว่า
ARPANET ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 เครือข่ายขยายใหญ่โต เพิ่มมากขึ้น จากการระดม
นักวิจัยเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมา เพื่อความเหมาะสม จึงได้มาตรฐาน
TCP/IP และนอกจากประโยชน์ด้านงานวิจัย และทางทหารแล้ว
ยังได้นำมาใช้ประโยชน์ทางด้านธุรกิจ และการพาณิชย์อีกด้วย ต่อมาในปี พ.ศ.
2532 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และนำมาใช้ประโยชน์
ในการติดต่อข้อมูลข่าวสารมากมาย
สำหรับในประเทศไทยได้มีการเริ่มต้นติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ต
เป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
เพื่อใช้ในการศึกษาของมหาวิทยาลัย โดยติดต่อกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย
โดยเชื่อมต่อเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ เพื่อรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
กับมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ในปี พ.ศ. 2530
ต่อมากระทวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและพลังงาน ได้มอบหมายให้
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC)
ให้ทุนสนับสนุน แก่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง
เพื่อศึกษา ถึงการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์
ของมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์ 12 แห่งเข้าเป็นเครือข่ายเดียวกันเมื่อ
พ.ศ. 2531 หลังจากนั้นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เป็นเกตเวย์อินเทอร์เน็ต
ในประเทศไทยและเริ่มให้บริการทางอินเทอร์เน็ต เต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม
พ.ศ. 2535 และต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2537 การสื่อสารแห่งประเทศไทย
ร่วมลงทุนกับหน่วยงานของรัฐ และเอกชน เปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์
2 รายคือบริษัทอินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด และบริษัท อินเทอร์เน็ต
คอมเมอร์เชียล แอนด์โนว์เลจเซอร์วิส จำกัด ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น KSC
คอมเมอร์เชียลอินเทอร์เน็ต จำกัด
การเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าสู่อินเทอร์เน็ตผู้ใช้จะต้องสมัครเป็น
สมาชิกเครือข่ายจะต้องมีบีประจำเครื่อง (Account Number) ที่ศูนย์บริการ
แล้วเชื่อโยงคอมพิวเตอร์เข้ากับเครื่องที่ศูนย์บริการ
โดยใช้สายโทรศัพท์ผ่านทางโมเด็ม (Modem)
และจะมีซอฟต์แวร์ทำหน้าที่แปลงคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้เป็นเทอร์มินัลของ
คอมพิวเตอร์ที่ศูนย์บริการเมื่อสมัครเป็นสมาชิกแล้ว ผู้ใช้จะมี User ID
หรือ User name หรือ Login name และ Password
ผู้ใช้จะต้องจัดเตรียมและเชื่อมต่ออุปกรณ์ดังนี้
1.เครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่จำกัดชนิดและยี่ห้อ ส่วนใหญ่ที่นิยมใช้จะใช้เครื่อง PC และ notebook
2.โมเด็ม
ทำหน้าที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์แลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ได้
ความเร็วของโมเด็มเป็นความเร็วในการส่งข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์
โมเด็มมีขนาดความเร็วต่าง ๆ กัน โมเด็มมีขนาดความเร็วสูงตั้งแต่ 14.4
Kbps ขึ้นไป โมเด็มแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.โมเด็มภายใน (internal modem) เป็นการ์ดที่เสียบลงบนสล็อต (slot) ของเมนบอร์ด
2.โมเด็มภายนอก (External nodem) เป็น กล่องขนาดเล็ก มีพอร์ต (port) เพื่อเสียบสัญาณจากคอมพิวเตอร์เข้าโมเด็ม มีช่องสำหรับเสียบสายโทรศัพท์ และมีสายไฟจากโมเด็มเพื่อต่อเข้ากับไฟบ้าน
1.โมเด็มภายใน (internal modem) เป็นการ์ดที่เสียบลงบนสล็อต (slot) ของเมนบอร์ด
2.โมเด็มภายนอก (External nodem) เป็น กล่องขนาดเล็ก มีพอร์ต (port) เพื่อเสียบสัญาณจากคอมพิวเตอร์เข้าโมเด็ม มีช่องสำหรับเสียบสายโทรศัพท์ และมีสายไฟจากโมเด็มเพื่อต่อเข้ากับไฟบ้าน
3. โทรศัพท์ เพื่อเชื่อมต่อสายโทรศัพท์เข้า
กับโมเด็ม เพื่อให้สัญญาณข้อมูลส่งผ่านสายโทรศัพท์
ดังนั้นผู้ต้องการใช้บริการอินเทอร์เน็ต
จะต้องมีโทรศัพท์หนึ่งเลขหมายในการต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต
4.ซอฟต์แวร์
ในการใช้อินเทอร์เน็ตจะมีโปรแกรมที่เกี่ยวข้องอยู่ 3 ประเภทคือ
1.โปรแกรมที่ใช้ในการติดต่อเพื่อจัดการส่งข้อมูลระหว่างเครื่อง
คอมพิวเตอร์กับอินเทอร์เน็ต
2.
โปรแกรมที่ใช้รับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) เช่น Eudora
3. โปรแกรมที่ใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต เรียกกว่า บราวเซอร์ เช่น Internet Exploer,
3. โปรแกรมที่ใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต เรียกกว่า บราวเซอร์ เช่น Internet Exploer,
google chrome ,Mozilla Firefox
5.ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
ผู้ใช้จะต้องสมัครเป็นสมาชิกเครือข่ายกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
ซึ่งเป็นศูนย์บริการให้กับสมาชิก ซึ่งมีทั้งภาครัฐและเอกชน
ซึ่งผู้ให้บริการเหล่านี้จะเชื่อมโยงกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วโลก
โดยศูนย์บริการเหล่านี้จะต้องเสียเงินค่าเช่าสายสัญญาณไปต่างประเทศให้กับรัฐ
ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต
1.การค้นคว้าหาข้อมูล ผู้ใช้สามารถเรียกดูข้อมูลต่างๆจากอินเตอร์เน็ต กล่าวคือ ผู้ใช้สามารถหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตโดยใช้โปรแกรมบราวเซอร์ เช่น Internet Exploer,google chrome ,Mozilla Firefox ดึงข้อมูลจากบริการ www. world wide web หรือ web ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายอินเตอร์
เน็ต เป็นแหล่งรวบรวมขนาดใหญ่ มีแหล่งข้อมูลอยู่ทั่วโลก ซึงภายใน web จะมีสิ่งต่างๆดังนี้
1. เว็บเพจ(Web Page) คือ ข้อมูลที่แสดงบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เป็นเอกสารที่สามารถเชื่อมโยงไปยังหน้า
อื่น ๆ ได้
2. เว็บไซต์ (Web Site) คือ เว็บเพจทั้งหลายที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ต และบรรจะไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่ง ๆ
3.โฮมเพจ (Home Page) คือ หน้าแรกของเว็บไซน์ ซึ้งเข้าถึงไดทันทีเมื่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ต โดยการพิมพ์ Domain Name หรือ URL : Uniform Resource Locator
4.โดเมนเนม (Domain Name หรือ URL : Uniform Resource Locator) เป็นที่อยู่ขอเว็บไซต์ที่ผู้ใช้บริการจะเข้าไปเรียกดูข้อมูล
2.การ Download และ Upload ซึ้งก็คือ การคัดลอกแฟ้มข้อมูล ข้อมูล หรือโปรแกรม จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่กำลังใช้งานอยู่ โดยผ่านทางเครือข่ายอิเตอร์เน็ต และการ upload คือการส่งแฟ้มข้อมูล ข้อมูล หรือโปรแกรมจากคอมพิวเตอร์ที่กำลังใช้งานอยู่ไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น โดยผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
3.จดหมายอีเล็กทรอนิกส์ (e-mail) ผู้ใช้สามารถทำการส่งข้อมูลข่าสารได้ทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว คลิปวีดีโอ โดยใช้ web site ที่ให้บริการรับส่ง e-mail ซึ่งมีความสามารถเหมือนของจริงทุกอย่าง จะต้องทำการส่งผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต4.การบริการข่าว (e-new) ผู้ใช้สามารถเปิดเว็บไซน์ ต่างๆและสามารถจะเลือกอ่านข่าวต่างๆ จากหนังสือพิมพ์ที่ต้องการ หรือต้องการอ่านข่าวย้อนหลังได้เพื่อใช้เป็นแหล่งอ้างอิงได้อย่างสดวก เเละรวดเร็ว...
การสืบค้นข้อมูล (Search Engine)
คือ
บริการที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
โดยพิมพ์ข้อความที่ต้องการสืบค้น เข้าไป
โปรแกรมจะทำการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ให้ภายในเวลาไม่กี่นาที
โปรแกรมประเภทนี้เราเรียกว่าSearch Engines
เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่สามารถจำชื่อเว็บไซด์ บางเว็บได้
ก็สามารถใช้วิธีการสืบค้นข้อมูลในลักษณะนี้ได้ เว็บไซด์ที่ทำหน้าที่เป็น
Search Engines มีอยู่เป็นจำนวนมากเช่น google.com,yahoo.com ,
sanook.com เป็นต้น



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น